นายนิกร ซัจเดว กรรมการสมาคมหอการค้าอินเดีย-ไทย เปิดเผยว่า สมาคมหอการค้าอินเดีย-ไทย อยู่ระหว่างการหารือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และกรุงเทพมหานครเพื่อทำปฏิทินท่องเที่ยวย่านลิตเติ้ลโดยเลือกย่านสะพานเหล็ก-พาหุรัด พร้อมจัดบิ๊กอีเวนต์ไตรมาสหรือ 3 เดือนครั้ง เพิ่มเติมจากอีเวนต์อื่นๆ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในย่านนี้ รวมถึงพัฒนาให้เป็นตลาดน้ำกลางเมืองเพื่อสร้างบรรยากาศในพื้นที่ให้มีความคึกคักตลอดทั้งปี เหมือนแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ อย่างเยาวราช ปากคลองตลาด โดยเริ่มดีเดย์วันที่ 15 ส.ค. 67 นี้

สำหรับบิ๊กอีเวนต์ในไตรมาสหนึ่งจะเป็นโฮลีเฟสติวัลหรือเทศกาลสาดสี คล้ายกับเทศกาลสงกรานต์ของไทยซึ่งปีที่ผ่านมาได้จัดที่สวนสยาม โดยปีนี้จะมาจัดในพื้นที่ย่านลิตเติ้ลอินเดียด้วย ในช่วงไตรมาสที่ 2 ซึ่งตรงกับเทศกาลสงกรานต์ของไทยที่ปีนี้รัฐบาลประกาศจะจัดอย่างยิ่งใหญ่ เราจะพานักท่องเที่ยวอินเดียมาร่วมเล่นสงกรานต์ที่ไทยด้วยและในช่วงนี้จะมีคอนเสิร์ตจากศิลปินแถวหน้าของอินเดียมาจัดคอนเสิร์ตที่ไทย คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั่วไปและอินเดียเข้าร่วมงานราว 10,000 คน ส่วนสถานที่จัดงานอยู่ระหว่างหารือว่าจะเป็นสนามกีฬาศุภชลาศัยหรือราชมังคลากีฬาสถาน ไตรมาสที่สามจะเป็นฟู้ดเฟสติวัลและไตรมาสสุดท้ายของปีจะเป็นดิวาลีหรือปีใหม่ของอินเดีย

นายนิกร กล่าวว่า จากการดำเนินมาตรการยกเว้นการยื่นลงตราหรือวีซ่า-ฟรี ให้กับนักท่องเที่ยวอินเดีย เป็นระยะเวลา 30 วัน เริ่ม 10 พ.ยคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. 66-10 พ.คคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. 67 ทำให้ทั้งจำนวนและรายได้ของนักท่องเที่ยวอินเดียเพิ่มขึ้น 30% โดยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียที่เดินทางด้วยเรือสำราญซึ่งจะแวะพักเรือที่ภูเก็ต

ขณะที่การเดินทางด้วยเครื่องบินก็มีเพิ่มขึ้นหลังสายการบินอินดีโก้เตรียมทำการบินจากเมืองเดลี-เชียงใหม่ มุมไบ-เชียงใหม่ ในช่วงเดือนมี.ค. 67 หลังขอสล็อตบินเข้าไทยเพิ่ม คาดว่าจะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียตลอดทั้งปีแตะ 2 ล้านคน เป้าหมายของรัฐบาล จากในปี 66 ตลาดอินเดียปิดจบที่จำนวน 1.6 แสนคน และใช้จ่ายเฉลี่ย 35,000 บาทต่อคนต่อทริป อัตราพักเฉลี่ย 3-4 วัน ถือว่ายังต่ำกว่าช่วงปกติก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 8-9 วัน